ป้ายที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ป้ายทอ และ ป้ายพิมพ์ ซึ่งทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในด้านกระบวนการผลิต ความสวยงาม ความทนทาน และราคา บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงความแตกต่างของป้ายทั้งสองชนิด เพื่อให้เจ้าของแบรนด์สามารถตัดสินใจเลือกใช้ป้ายที่เหมาะสมกับสินค้าของตนเองได้มากที่สุด
ป้ายทอ
ป้ายทอ (Woven Label) คือ การนำเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ (Polyester) มาสอดประสานกันด้วยเครื่องจักร เพื่อให้ได้รูปแบบตามที่ออกแบบไว้
คุณสมบัติของป้ายทอ:
- มีมิติ และความหรูหรา ดูคลาสสิกและพรีเมียมกว่าป้ายพิมพ์
- มีข้อจำกัดด้านขนาด และสีของเส้นด้าย การแสดงรายละเอียดจึงมีความจำกัดกว่าป้ายพิมพ์
- ทนทานต่อการซัก และการใช้งานในระยะยาวมากกว่า สีไม่ซีดจางง่าย
- มีผิวสัมผัสที่แน่นกว่า อาจรู้สึกแข็งเล็กน้อยในบางกรณี
- มีราคาสูงกว่า และใช้ระยะเวลาผลิตมากกว่างานพิมพ์
ป้ายพิมพ์
ป้ายพิมพ์ (Printed Label) คือการพิมพ์สีสร้างลวดลายลงบนวัตถุดิบชนิดต่าง ๆ เช่นซาติน คอตตอน ไนลอน และพอลิเมอร์เบลนด์ ด้วยเทคนิคการพิมพ์ต่าง ๆ เช่นซิลค์สกรีน และการพิมพ์แบบดิจิทัล
คุณสมบัติของป้ายพิมพ์:
- ให้รายละเอียดที่คมชัดกว่าป้ายทอ สามารถปรับแบบและสีให้ตรงความต้องการได้อย่างถูกต้อง จึงเหมาะสำหรับโลโก้ที่มีสีสัน และรายละเอียดซับซ้อน
- นุ่มกว่า ไม่ทำให้ระคายเคืองผิว เหมาะกับเสื้อผ้าที่ต้องการความสบายเป็นพิเศษ
- ใช้ระยะเวลาผลิตเร็ว และมีราคาถูกกว่าป้ายทอ
- มีอายุการใช้งานน้อยกว่าป้ายทอ สีอาจจางลงหรือหลุดลอกได้เมื่อผ่านการซักบ่อย ๆ
ป้ายทอ กับ ป้ายพิมพ์ เหมาะสำหรับสินค้าประเภทไหน
ป้ายทอ: ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ป้ายทอจึงเหมาะสำหรับ เสื้อผ้าแบรนด์หรู, แจ็คเก็ต, กระเป๋า, รองเท้า และสินค้าที่มีความหรูหรา ภาพลักษณ์ที่พรีเมียม และต้องการความทนทาน
ป้ายพิมพ์: ในขณะที่ป้ายพิมพ์จะเหมาะสำหรับ เสื้อผ้าเด็ก, ชุดนอน, ชุดชั้นใน, เสื้อกีฬา, เสื้อยืด, และป้ายดูแลการซัก (Care Label) ด้วยความนุ่ม สีสันสดใส และรายละเอียดที่คมชัดสูงกว่าป้ายทอ
ทั้งนี้การเลือกใช้ป้ายประเภทใดนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ที่จะนำไปติดสไตล์ของแบรนด์ หรือสินค้า งบประมาณ และความต้องการหรือความชอบส่วนตัวหากท่านใดมีคำถามเพิ่มเติม หรือยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกป้ายประเภทไหนสำหรับสินค้า สามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญผ่านทาง LINE Official ได้ครับ
